บมจ. เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้  ชี้เทรนด์ปี 2565 เน้นเทคโนโลยีอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน สุขภาพและความปลอดภัย พร้อมเพิ่มความสะดวกรับไลฟ์สไตล์แบบนิวนอร์มอล เริ่มจากแผนติดตั้งแผงวงจรพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการ เค.ซี.สุวินทวงศ์ 2 โซนอาคารพาณิชย์

นายสันติ  ปิยะทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์และลดผลกระทบต่อธรรมชาติ และให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จะเปิดตลาดโครงการที่มีส่วนร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

 “เทรนด์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรือโครงการบ้านที่อยู่อาศัยในปีนี้ จะเน้นเรื่องความยั่งยืน สุขภาพ และการจัดพื้นที่ ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการใช้งานที่หลากหลายเนื่องจากวิถีชีวิตแบบนิวนอร์มอลที่เป็นผลมาจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้คนทำงานที่บ้านและ ทำกิจกรรมที่บ้านหลากหลายมากขึ้น ผู้บริโภคจึงต้องการบ้านที่มีพื้นที่ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนให้รองรับกิจกรรมหลายรูปแบบตามไลฟ์สไตล์แบบนิวนอร์มอล นอกจากนี้องค์กรและคนทั่วโลกต่างก็ตื่นตัวกับเรื่องเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนหรือ SDGs (Sustainable Development Goals) เพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของโลก การดำเนินธุรกิจของเรารวมถึงการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ จึงคำนึงถึง 3 เรื่องนี้เป็นหลักเช่นกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่เราเริ่มดำเนินการมาก่อนแล้ว และจะเข้มข้นมากขึ้นในปีนี้และปีต่อ ๆ ไป โดยยังคงไม่ทิ้งจุดแข็งของเค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ในเรื่องของคุณภาพ ทำเลที่ดี และความคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้”  นายสันติกล่าว

 เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้พิจารณานำเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยในปี 2565 บริษัทฯ จะเริ่มติดตั้งแผงวงจรพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการ เค.ซี.สุวินวงศ์ 2 โซนอาคารพาณิชย์  โดยโครงการนี้เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสไตล์ Contemporary ที่ออกแบบมาสำหรับคนที่มีวิสัยทัศน์ ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม เหมาะกับครอบครัวที่คนหลายเจเนอเรชั่นอยู่ร่วมกัน มีพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมต่อการความต้องการใช้งานได้  ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ รวมทั้งอยู่ในทำเลที่ดีสามารถเชื่อมต่อกับแนวเขตของ EEC ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโซนภาคตะวันออกในอนาคต

ออกแบบโครงการโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นแนวทางที่ เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ ให้ความสำคัญมาตลอด เช่น โครงสร้างบ้านที่มีระบบระบายอากาศที่ดี การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงที่คงทนและช่วยลดความร้อนภายในบ้าน การออกแบบบ้านโดยดูทิศทางลมและแสง เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากลมและแสงตามธรรมชาติซึ่งนอกจากจะอยู่สบาย บรรยากาศในบ้านจะดูอบอุ่น สบาย ไม่ร้อน แล้วยังประหยัดไฟอีกด้วย รวมทั้งได้เริ่มนำเทคโนโลยีที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในโครงการต่าง ๆ  เช่น เทคโนโลยีการประหยัดพลังงาน ได้แก่ระบบไฟส่องสว่างที่เป็น LED ดาวน์ไลท์ ซึ่งประหยัดพลังงานสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน และระบบสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำเป็นพิเศษ เป็นต้น

“เรื่องของความยั่งยืน และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นความรับผิดชอบและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน การที่เราเน้นการออกแบบโครงการที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมไปโดยอัตโนมัติ และทำให้สังคมได้ตระหนักถึงบทบาทของตนในการร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้เชื่อว่าจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้านของเราจะจุดประกายที่ยิ่งใหญ่และเป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ในอนาคต” นายสันติกล่าวเสริม

นอกจากนี้ เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ยังนำเทคโนโลยีที่เพิ่มความสะดวกสบาย ปลอดภัยให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการ เช่น ระบบล็อคดิจิทัล (Digital Door lock) และระบบรักษาความปลอดภัย (Security Alarm) ซึ่งได้มีการติดตั้งเทคโนโลยีทั้งสองแบบนี้ในโครงการเนเชอรัลวิลล์ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

 “ในปี 2565 เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้จะยังคงมองหาเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว แม่นยำ และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนในยุคนิวนอร์มอลมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย และทุกไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ใช้ระบบเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เช่น หุ่นยนต์ช่วยเหลือ (Robotic Assistant) ที่ช่วยให้เราบริการลูกค้าได้เร็วขึ้น ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น” นายสันติกล่าว

 แนวทางในการพัฒนาโครงการโดยนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ สอดคล้องกับเทรนด์ทั่วโลก ที่มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ระบบประหยัดพลังงาน การดูแลด้านสุขภาพของผู้อยู่อาศัย และระบบหุ่นยนต์ช่วยเหลือ การพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น ราคาถูกลง ซึ่ง เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้มีการติดตามศึกษาอย่างใกล้ชิดเพื่อนำสิ่งที่เหมาะสมมาใช้ในโครงการในอนาคต

 นอกจากนี้ ในด้านการดำเนินงานและการตลาด บริษัทฯ ยังใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสารออนไลน์เป็นหลักในการสื่อสารประชาสัมพันธ์และติดต่อลูกค้า  ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, Youtube หรือ Tiktok เพื่อให้ความสะดวก รวดเร็ว รวมทั้งเป็นการเปิดพื้นที่ให้ลูกค้าเดิมได้บอกเล่าประสบการณ์ที่ดี ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นการบอกต่อ ซึ่งจะช่วยขยายฐานตลาดออกไปอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here