“การอ่าน เป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ตลอดชีวิต” ด้วยความมุ่งมั่นที่มีร่วมกันของ อมรินทร์ กรุ๊ป โดยบริษัท อมรินทร์บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายหนังสือชั้นนำของเมืองไทยในนาม “ร้านนายอินทร์” และบริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด โดยการสนับสนุนจาก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)  และกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมแถลงข่าวพร้อมเปิดโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข  ปี4” โครงการส่งเสริมให้เยาวชนไทยรักและเห็นความสำคัญของการอ่าน เพราะเชื่อว่าการอ่าน เป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาเยาวชน  และเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยมี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกียรติเป็นประธานในงาน ร่วมด้วย คุณระริน อุทกะพันธุ์  ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และ คุณประวิช สุขุม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายกิจการองค์กรประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยกลุ่มโรงเรียนคุ้งบางกะเจ้า ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงกลุ่มโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ในปี 1 – 4 ร่วมงานผ่านระบบ Zoom
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานในแถลงข่าวโครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 4 เผยว่า “กระทรวงศึกษาธิการได้เล็งเห็นความสำคัญ และให้การสนับสนุนโครงการส่งความรู้ สร้างความสุขอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นโครงการปีที่ 1 ด้วยเชื่อมั่นว่า “การอ่าน” เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน ด้วยเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์ จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่สามารถพัฒนาความรู้ ไปสู่การพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ นำไปสู่การสร้างสรรค์ และช่วยขับเคลื่อนการศึกษาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมทุกระดับการศึกษาของประเทศจากการอ่านออกเขียนได้ ก่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ดีขึ้
กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายที่มุ่งสู่การปฏิรูปการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ผ่านการอ่านและเขียน อย่างนโยบาย Coding ที่บรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานในทุกหมวดวิชา โดยมีการอบรมครูอย่างต่อเนื่อง Coding เป็นทักษะที่เด็กไทยยุคใหม่ต้องรู้ ซึ่งมีทักษะพื้นฐานคือการอ่านออกเขียนได้ เน้นให้เด็กมีกระบวนการคิด แก้ไขปัญหาของแต่ละคน แต่ละช่วงวัย และนโยบายการอ่านเขียนเรียนประวัติศาสตร์ผ่านสื่อร่วมสมัย จัดทำคลังข้อมูลวิชาประวัติศาสตร์ เพื่อให้เด็กได้อ่าน และเรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีสื่อเสมือนจริง การดำเนินโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปีที่4” กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีแนวคิดร่วมสนับสนุนให้ “เด็กไทยอ่านออก เขียนได้ คุณครูก้าวไกล ชาติไทยพัฒนา” ที่ไม่เพียงมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยการพัฒนาทักษะการอ่านของผู้เรียนให้เป็นผู้ที่รู้หนังสือ แต่ยังส่งเสริมให้ครูผู้รับผิดชอบโครงการ สามารถเพิ่มวิทยฐานะของตนเองจากการลงมือปฏิบัติงานจริงกับผู้เรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมอีกด้วย”
คุณระริน อุทกะพันธุ์  ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการดำเนินโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ว่า “เป็นเวลา 3 ปี ที่โครงการ  “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ได้กระจายความรู้ด้วยการส่งมอบหนังสือคุณภาพที่เหมาะสมกับช่วงวัยพร้อมชั้นวางหนังสือ โดยโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2561 ถึงพฤศจิกายน 2564 พร้อมทั้ง        ได้ก่อตั้งชมรมรักการอ่าน จัดทำสมุดบันทึกรักการอ่าน รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการอ่านหลากหลายรูปแบบ   ใน 160 โรงเรียน ครอบคลุมพื้นที่  77 จังหวัดทั่วประเทศ มอบหนังสือรวมแล้วกว่า 168,000 เล่ม และยังได้รับความร่วมมือจากศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง ในวงการบันเทิง ที่มาร่วมเป็นทูตนักอ่าน ลงพื้นที่แชร์ประสบการณ์ ทำกิจกรรมกับน้องๆ ในโรงเรียนต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และยังมีการติดตามผลการดำเนินงานพบว่าด้านผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา น้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ มีผลการเรียนที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ 1 นักเรียนร่วมโครงการฯ มีผลการเรียนดีขึ้น 64% ปีที่ 2 เพิ่มขึ้นเป็น 72% และในปีที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น75% จำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 19,124 คน ถือเป็นการเติบโตด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างต่อเนื่องจากการดำเนินโครงการในปี 2565 ยังคงสานต่อความมุ่งมั่นนี้ในการส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีนิสัยรักการอ่าน  ให้เป็นผู้รู้หนังสือ สามารถอ่านออก เขียนได้ จึงได้เริ่มโครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ปี4 พร้อมด้วยกิจกรรม “อ่านกันวันละ 15 นาที” โดยปีนี้จะส่งมอบหนังสืออีก 50,000 เล่ม มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเพิ่ม 50 โรงเรียน จาก 27 จังหวัด  ทำตลอดระยะเวลา 4 ปี โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 210 โรงเรียน ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ
ในปีที่ 4 โครงการฯ ยังได้สร้างแรงผลักดันในการรักการอ่านให้แก่น้องๆ นักเรียนผ่าน 3 กิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้น พร้อมทั้งยังมีการมอบเกียรติบัตรและรางวัลจาก 3 กิจกรรมนี้ ได้แก่ เด็กสุขสันต์ยอดนักอ่าน เป็นการเก็บสถิติการยืม – คืนหนังสือมากที่สุด, เด็กสุขสร้างสรรค์ขยันบันทึก ที่ให้น้องๆ นักเรียนได้บันทึกเรื่องราวลงสมุดบันทึกรักการอ่านได้น่าสนใจ และกิจกรรมสุดท้าย ที่สอนให้เด็กๆ รู้จักการเป็นผู้ให้ กับ อ่านดังฟังเพลิน  ซึ่งทางโครงการจะนำคลิปเสียงเล่านิทานที่ได้รับรางวัลส่งต่อไปสู่ผู้พิการทางสายตา”
โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ในปีที่ 4 นี้ มีเป้าหมายในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้แก่นักเรียนในโรงเรียน ให้เป็นผู้รู้หนังสือ อ่านออก เขียนได้ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่สูงขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้ครูผู้รับผิดชอบโครงการ สามารถเพิ่มวิทยฐานะของตนเองจากการรวบรวมและเก็บชิ้นงานที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมร่วมกับผู้เรียน รวมถึงพัฒนาต้นแบบโครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ให้สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในการพัฒนาคุณภาพการรู้หนังสือของเยาวชนไทยอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม”

ด้าน คุณประวิช สุขุม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายกิจการองค์กร ประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เผยว่า เป็นเวลา 4 ปีที่  ไทยเบฟเวอเรจได้ให้การสนับสนุนโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ที่เล็งเห็นและให้ความสำคัญของการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการอ่านหนังสือ เพราะการอ่านคือรากฐานสำคัญของการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของเยาวชนในการใช้ชีวิต และเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยได้มีการส่งหน่วยงานลงพื้นที่ทำงานร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ร่วมกับ 210 โรงเรียนทั้ง 77 จังหวัด ที่เข้าร่วมโครงการ ส่งความรู้ สร้างความสุขตลอด 4 ปี พร้อมทั้งจัดหาหนังสือที่มีประโยชน์รวมทั้งชั้นวางหนังสือที่มีคุณภาพ และยังร่วมกับคุณครูบรรณารักษ์จัดตั้งชมรมรักการอ่าน และกิจกรรมอ่านกันวันละ 15 นาที ไม่เพียงเท่านี้ยังสนับสนุนการจัด 3 กิจกรรมพิเศษ ให้แก่เด็กๆ ใน 50 โรงเรียนเพิ่มเติม จาก 27 จังหวัด เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ รู้สึกสนุกและรักการอ่านมากยิ่งขึ้น”
ภายในงานมีการจัดแสดงตัวอย่างหนังสือสำหรับใช้เพื่อบริจาคให้กับโรงเรียนในโครงการ ซึ่งประกอบไปด้วยหนังสือต่างๆ เช่น พระราชนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สื่อการเรียนการสอน หนังสือนิทาน หนังสือความรู้ทั่วไป การ์ตูนเสริมความรู้ การ์ตูนประวัติศาสตร์ ฯลฯ รวมไปถึงหนังสือสองภาษา นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงผลงานของนักเรียนในโครงการซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ และการอ่าน อย่างนิทานผึ้งน้อยเซลล่า ที่เกิดจากการเข้าร่วมชมรมรักการอ่านของโครงการฯ ที่น้องๆ นักเรียนนำมาประยุกต์และสร้างเป็นผลงานนิทานขึ้น จากความประทับใจในโครงการส่งความรู้สร้างความสุขอีกด้วย
สามารถติดตามรายละเอียดของโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” รวมทั้งภาพกิจกรรมจากโครงการฯ บทความและเคล็ดลับดีดีเกี่ยวกับการอ่าน ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ : The Happy Read

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here