รายงานพลเมืองโลกของเฮนลี่ย์ (Henley Global Citizens Report) ซึ่งติดตามแนวโน้มการโยกย้ายความมั่งคั่งส่วนบุคคลทั่วโลก ได้ทำการจัดอันดับ 20 เมืองที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลกในปี 2565 ซึ่งผลปรากฏว่า สหรัฐอเมริกามีเมืองที่ติดอันดับมากที่สุด โดยนิวยอร์กครองแชมป์ด้วยจำนวนมหาเศรษฐี 345,600 คน ส่วนอีก 5 เมืองที่ติดอันดับประกอบด้วยซานฟรานซิสโก ลอสแอนเจลิส ชิคาโก ฮิวสตัน และดัลลัส สำหรับอันดับ 2 ตกเป็นของโตเกียว ด้วยจำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูงเกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐรวม 304,900 คน ตามมาด้วยอันดับ 3 คือซานฟรานซิสโก ขณะที่ลอนดอนซึ่งครองแชมป์มาหลายปี หล่นลงมาอยู่อันดับ 4 ด้วยจำนวนมหาเศรษฐี 272,400 คน

จีนมีสองเมืองที่เข้ามาติด 10 อันดับแรก ได้แก่ ปักกิ่ง (อันดับ 9) และเซี่ยงไฮ้ (อันดับ 10) ในขณะที่สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรเลียติดอันดับประเทศละสองเมือง ได้แก่ ซิดนีย์ (อันดับ 11), ซูริก (อันดับ 15), เมลเบิร์น (อันดับ 17) และเจนีวา (อันดับ 19) ส่วนอันดับอื่น ๆ ได้แก่ สิงคโปร์ (อันดับ 5), ฮ่องกง (เขตบริหารพิเศษของจีน) (อันดับ 12), แฟรงก์เฟิร์ต (อันดับ 13), โทรอนโต (อันดับ 14), โซล (อันดับ 16) และปารีสร่วงลงมาสามขั้นอยู่ที่อันดับ 20

รายงานนี้รวบรวมข้อมูลสุดเอ็กซ์คลูซีฟมาจากบริษัทนิวเวิลด์เวลท์ (New World Wealth) ซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลความมั่งคั่งระดับโลก โดยครอบคลุม 5 เมืองที่ร่ำรวยที่สุดในแต่ละภูมิภาค และ 25 เมืองที่เติบโตเร็วที่สุดในแง่ของจำนวนมหาเศรษฐี

ดร. ยอร์ก สเตฟเฟน (Dr. Juerg Steffen) ซีอีโอของเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Henley & Partners) ชี้ให้เห็นว่า 14 จาก 20 เมืองที่ติดอันดับอยู่ในประเทศที่มีโปรแกรมการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐาน (Investment Migration) “สิทธิในการอยู่อาศัย ทำงาน ศึกษาเล่าเรียน และลงทุนในศูนย์กลางการเงินชั้นนำระดับโลก เช่น นิวยอร์ก ลอนดอน สิงคโปร์ ซิดนีย์ และ โทรอนโต สามารถเข้าถึงได้ผ่านการลงทุนเพื่อขอสัญชาติ ความสามารถในการโยกย้ายตัวเอง ครอบครัว หรือธุรกิจไปยังเมืองที่เอื้ออำนวยมากกว่า หรือการได้มีสิทธิเลือกถือสัญชาติของหลายประเทศทั่วโลก ถือเป็นแง่มุมที่มีความสำคัญมากขึ้นสำหรับลูกค้าในการวางแผนความมั่งคั่งและการจัดการมรดก”

คุณแอนดรูว์ เอมอยล์ส (Andrew Amoils) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของนิวเวิลด์เวลท์ คาดการณ์ว่า จำนวนมหาเศรษฐีในดูไบ มุมไบ และเซินเจิ้น จะเพิ่มขึ้นจนเข้ามาติดอันดับ 20 เมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลกภายในปี 2573 “เมืองที่มีอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซแข็งแกร่งทำผลงานได้ดีเป็นพิเศษในปีนี้ ซึ่งรวมถึงริยาด ชาร์จาห์ ลูอันดา อาบูดาบี โดฮา และลากอส ส่วนเมืองอื่น ๆ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วประกอบด้วย ลูกาโน เมืองในสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้มั่งคั่งที่เกษียณอายุแล้ว, บังคาลอร์ ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “ซิลิคอนแวลลีย์ของอินเดีย” และหางโจว เมืองที่มีทัศนียภาพสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของจีน”

ดร. โฮเซ กาบัลเลโร (Dr. José Caballero) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากไอเอ็มดี เวิลด์ คอมเพททิทีฟเนส เซ็นเตอร์ (IMD World Competitiveness Center) กล่าวถึงรายงานพลเมืองโลกของเฮนลี่ย์ฉบับล่าสุดว่า “คุณภาพชีวิตคือปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการโยกย้ายทั่วโลก และสำหรับผู้บริหารธุรกิจแล้ว มาตรฐานชีวิตในระดับสูงและสถาบันต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพ คือปัจจัยดึงดูดที่สำคัญของเมือง”

ดร. สเตฟเฟน แสดงความเห็นด้วยและกล่าวว่าเมืองคือศูนย์รวมโอกาส นวัตกรรม ความเจริญรุ่งเรือง และวัฒนธรรม เราได้เห็นการเติบโตเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยนักลงทุนผู้มีความมั่งคั่งสูงต่างสนใจโปรแกรมการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานที่มีตัวเลือกหลากหลายและเข้าถึงได้หลายสถานที่ ซึ่งช่วยให้สามารถอยู่อาศัยและทำธุรกิจได้ในหลายเมืองและขอบเขตอำนาจศาล”

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here